รองเท้าแต่ละประเภทก็ใช้งานต่างกัน รองเท้าผ้าใบ รองเท้าวิ่ง หรือจะเป็นแบรนด์ของรองเท้าสุดฮิตอย่าง รองเท้า Nike Adidas ไซส์รองเท้าย่อมแตกต่างกัน ทั้ง US UK EU JPN
วัดไซส์ขนาดเท้า
อุปกรณ์
– กระดาษขนาด A4 หรือขนาดใหญ่กว่าเท้า
– ดินสอหรือปากกา
– ไม้บรรทัด
วิธีวัดขนาดของเท้า
1. วางเท้าบนกระดาษ ตั้งส้นเท้าให้ตรง อย่างอข้อเท้า ไม่ต้องเกร็ง วางส้นเท้าชิดกับผนัง
2. ขีดเส้นตรงส้นเท้าและปลายเท้า โดยขีดตรงปลายนิ้วที่ยาวที่สุด
ตารางเปรียบเทียบไซส์รองเท้า
รองเท้ามาตรฐานสากลใช้กันมีหลายแบบ แบบที่นิยมใช้กันมากที่สุดมี 4 แบบ คือ US, UK, EU, JPN ซึ่งแต่ละไซส์รองเท้ามีความแตกต่างกัน
หน่วยวัดไซส์รองเท้า
US (American Linear Measure) เป็นการวัดขนาดของรองเท้าที่ใช้กันในแถบสหรัฐอเมริกา โดยขนาดรองเท้าเล็กที่สุดจะเริ่มต้นที่ 3 นิ้ว
UK (English Linear Measure) เป็นการวัดขนาดของรองเท้าที่ใช้มายาวนานที่สุดของประเทศอังกฤษ โดยขนาดรองเท้าเริ่มต้นที่ 4 นิ้ว
EU (European Sizing) เป็นการวัดขนาดของรองเท้าที่นิยมใช้ในฝรั่งเศส โดยมักจะการวัดขนาดไซส์แบบ EU ในแบรนด์ชั้นนำแถบยุโรป ยกเว้นอังกฤษ
JPN (Japanese Linear Measure) เป็นการวัดขนาดของรองเท้าที่นิยมใช้ในญี่ปุ่น โดยหน่วยการวัดจะเป็นแบบเซนติเมตร ทำให้ง่ายต่อการวัดมากที่สุด
CM หน่วยการวัดแบบเซนติเมตร INC หน่วยการวัดแบบนิ้ว
ดู Size รองเท้าอย่างไร
ไซส์รองเท้า EU แบรนด์ของยุโรปไม่มีปัญหาเพราะตัวเลขจะเป็น 36-42.5 ทั่วโลกนิยมใช้ ส่วนไซส์ JPN เป็นเลขสองหลักที่ขึ้นต้นตัวเลข 2 พบได้ในรองเท้าแบรนด์ญี่ปุ่นหรือในญี่ปุ่นเท่านั้น ส่วนไซส์เจ้าปัญหานั่นคือ ไซส์ US และ UK เพราะเป็นเลขตัวเดียวเหมือนกัน ดังนั้นให้ดูว่าแบรนด์ที่เป็นของประเทศอะไร ผลิตที่ไหน
เลือกรองเท้าให้เหมาะสมกับการใช้งาน
รองเท้าที่ใช่ สไตล์ที่ชอบ
เท้าแบนราบ
สาวที่มีเท้าแบนราบคือ ลักษณะของเท้าคุณจะมีเนื้อไม่มากนัก ทำให้เท้าคุณดูแบนราบเรียบไปกับพื้น หากใครมีลักษณะรูปเท้าแบบนี้ คุณควรเลือกใส่รองเท้าที่มีสายคาด มีลวดลาย หรือดีเทลที่บริเวณหน้าเท้าเยอะหน่อย เช่น รองเท้าสาน เพื่อเป็นการลวงตาผู้คนที่พบเห็นให้เท้าของคุณดูมีเนื้อมากขึ้น และที่สำคัญคือครหลีกเลี่ยงการใส่รองเท้าที่เผยให้เห็นเนื้อเท้าคุณมากนักเพราะจะเป็นการเปิดเผยจุดอ่อนที่ไม่ค่อยสวยงามของเท้าคุณ
เท้าเรียวยาว
รูปเท้าเรียวยาว เป็นรูปเท้าในฝั่นของผู้หญิงทุกคน ใครที่มีรูปเท้าแบบนี้คงไม่มีปัญหาในการเลือกรองเท้ามากนัก เพราะไม่ว่าคุณจะใส่คู่ไหนก็จะดูสวยงามไปหมด เพราะรูปเท้าทรงนี้จะเป็นเท้าที่เล็กเรียว ไม่กว้างหรือแคบจนเกินไป แต่คุณจะสวยเด่นดูดีเป็นพิเศษหากใส่รองเท้ามีส้น เพราะจะทำให้ขาของคุณดูเรียว สวยงามยิ่งขึ้น
เท้าบาน
รูปเท้าที่มีลักษณะหน้าเท้ากว้างมากเป็นพิเศษเมื่อเทียบกับส่วนอื่นๆของเท้า ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ใช่รูปทรงที่สวยงามเท่าใหร่นัก ดังนั้นการเลือกรองเท้าที่เหมาะสมสำหรับรูปเท้าแบบนี้ ควรเลือรองเท้าหัวกว้าง หัวมน และหัวเหลี่ยมเข้าไว้จะดีที่สุด เพราะนั่นจะทำให้รูปเท้าคุณดูเรียวขึ้น ใส่แล้วไม่เจ็บเท้า ใส่แล้วรู้สึกสบาย และคุณไม่ควรเลือกใส่รองเท้าหัวแหลมเพื่อช่วยเพิ่มความเรียวของรูปเท้า เพราะรองเท้าพวกนั้นจะบีบปลายเท้าคุณซึ่งจะทำให้คุณรู้สึกทรมานทุกครั้งที่ใส่
เท้าอวบ
ลักษณะรูปเท้าอวบ คือ เท้าที่มีเนื้อเยอะ ดูเจ้าเนื้อนั่นเอง สาวๆคนไหนที่มีรูปเท้าแบบนี้ควรเลือกรองเท้าที่ปิดหน้าเท้า หัวแหลม และควรเป็นรองเท้ามีส้น สีเข้มเข้าไว้จะดีที่สุด เพราะมันจะช่วยให้หลอกตาให้รูปเท้าของคุณดูเล็กเรียวยาวมากขึ้น และที่รองเท้าที่คุณไม่ควรเลือกใส่ก็คือรองเท้าหัวมน ไม่มีส้น เช่นรองเท้าแฟตซ์ เพราะนั้นจะทำให้ขาคุณดูสั้นลง ไม่สวยงามนั้นเอง
เท้าใหญ่อูม
ลักษณะรูปเท้าเช่นนี้ คือ รูปเท้าที่มีเนื้อเยอะเป็นพิเศษ ซึ่งหากรวมเข้ากับการที่คุณเป็นสาวเจ้าเนื้อที่มีเท้าใหญ่อม ช่วงขาใหญ่ด้วยแล้ว คุณควรเลือกใส่รองเท้าสีข้มและส้นไม่สูงจนเกินไปเพราะนั่นจะช่วยพรางตาให้ขาของคุณดูเล็กลงได้ ถ้าจะให้ดีกว่านี้ควรเลือกรองเท้าที่หัวไม่แหลมเกินไป และส้นเพรียวด้วย ส่วนใครที่อยากใส่รองเท้ามีลวดลายก็ควรเลือกแบบที่มีลวดลายเล็กน้อย หรือรัดข้อเท้าเส้นบางๆ และที่สำคัญคือควรหลีกเลี่ยงรองเท้าที่เผยให้เห็นเนื้อเท้า
อุ้งเท้าโค้ง
ลักษณะรูปเท้าแบบสุดท้ายที่เราจะพูดให้ฟังในวันนี้อรูปเท้าโค้ง ซึ่งก็คือ ลักษณะอังเท้าที่มีส่วนโค้ง ส่วนเว้ามากมีเนื้อน้อยกว่าอุ้งเท้าแบบอื่นๆ ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาปวดบริเวณฝาเท้าด้านหน้าและสันเท้า เพราะการรับน้ำหนักของอุ้งเท้าส่วนกลางหายไป และเพื่อให้คุณดินได้สบายขึ้นจึงควรเลือกรองเท้าที่มีลักษณะเสริมอุ้งเท้า เพื่อช่วยกระจายน้ำหนักจากฝ่าเท้าด้านหน้าและส้นเท้ามาที่อุ้งเท้า ดังนั้นรองเท้าที่หมาะสำหรับคุถจึงเป็นรองเท้าที่มีพื้นนิ่มและมีความยืดหยุ่น หรือใส่รองเท้ามีสัน ที่สำคัญคือควรหลีกเลี่ยงรองเท้าที่มีพื้นแข็ง เพราะจะทำให้ปวดเมื่อยได้ง่าย
วิธีดูแลถนอมรองเท้า
1. หนังสือพิมพ์
หนังสือพิมพ์ วสามารถถนอมทรงรูปร่างของรองเท้าเอาไว้ได้ เพียงขยำกระดาษหนังสือพิมพ์เป็นก้อนใส่ในรองเท้า รองเท้าจะเป้นทรงรูปร่างที่ดี อีกทั้งยังสามารถดับกลิ่นเหม็นอับของรองเท้าได้ดีอีกด้วย เพียงทิ้งไว้ประมาณ 1 คืน เพื่อรอสารเคมีบนกระดาษหนังสือพิมพ์ดูดซับความชื้นและกลิ่นอับออกไป
2. ลองเปลี่ยนรองเท้าคู่อื่นบ้าง
รองเท้าคู่โปรด ลองสลับเป็นคู่อื่นบ้าง ป้องกันปัญหารองเท้าชำรุด เพราะใส่บ่อยเกินไป อีกทั้งยังเป็นแหล่งรวมสะสมเชื้อโรค เพื่อให้รองเท้าได้พักหายใจบ้าง ลองเปลี่ยนไปใส่รองเท้าอีกแบบ เปลี่ยนสไตล์สร้างความสนุกในการแต่งกาย เพื่อให้รองเท้าได้ระบายกลิ่นอับออกไป ปล่อยให้มีอากาศไหลเวียนบ้าง
3. สเปรย์ดับกลิ่นรองเท้า
สเปรย์ดับกลิ่นรองเท้า ตอบโจทย์คนที่บอกว่า ไม่มีเวลาดูแลรองเท้า สเปรย์ดับกลิ่นรองเท้าจะช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เชื้อโรคที่สะสมภายในรองเท้า ซึ่งเป้นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นอับภายในรองเท้า
4. น้ำส้มสายชู
น้ำส้มสายชู เรียกว่าสารพัดประโยชน์ นอกจากเป็นส่วนผสมในการปรุงอาหาร น้ำส้มสายชูสามารถแก้ไขปัญหากลิ่นเหม็นอับในรองเท้าได้ นำน้ำส้มสายชูมาผสมกับน้ำเปล่าในปริมาณที่เท่ากัน เทลงในขวดสเปรย์แล้วฉีดในรองเท้าให้ทั่ว ตากลมทิ้งไว้ 30 นาที อย่าลืมโรยเบกกิ้งโซดาซ้ำทิ้งไว้ 1 คืน เพื่อให้เบกกิ้งโซดาดูดซึมซับกลิ่นรองเท้าและกลิ่นน้ำส้มสายชูออกไป
5. เบกกิ้งโซดา
เบกกิ้งโซดา บอกเลยมีติดบ้านไว้รับรองว่าสารพัดประโยชน์ยิ่งกว่า ตัวช่วยในเรื่องของการทำความสะอาดสิ่งต่างๆ อีกทั้งยังช่วยในการดับกลิ่นเหม็นอับในรองเท้าได้อีกด้วย เพียงแค่โรยใส่ในรองเท้าให้ทั่ว เคาะเบกกิ้งโซดาออกให้หมดก่อนนำไปใช้งาน เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ง่ายและสามารถช่วยดับกลิ่นได้ดีอีกด้วย
6. ถุงชาดำ
ถุงชาดำ ชาดำ ชาดำ สามารถดับกลิ่นรองเท้าได้ โดยการนำถุงชาดำที่ต้มแล้ว นำไปใส่ไว้ในรองเท้าทิ้งประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งในตัวของชาดำ ทำหน้าที่ฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของกลิ่นอับในรองเท้า หากน้ำชาที่ซึมออกมาจากถุงชาดำ ทิ้งไว้ให้แห้ง และสามารถใช้งานตามปกติ
7. แผ่นอบแห้ง
ขอเลือกคุณแผ่นอบแห้ง หากรองเท้าของคุณเกินเยียวยาใส่แผ่นอบแห้งรองแผ่นรองเท้าเอาไว้ แล้วสวมใส่รองเท้าคู่นั้นได้เลย ระงับกลิ่นอับได้ในเวลาอันสั้น
8. สำลีชุบแอลกอฮอล์
เพียงแค่เทแอลกอฮอล์ลงในสำลีก้อนจนเปียกชุ่ม จากนั้นนำสำลีมายัดใส่ในรองเท้า ทิ้งไว้สักพัก แอลกอฮอล์ก็จะเข้าไปกำจัดกลิ่นเหม็นอับ ถึงรองเท้าคู่โปรดจะซักไม่ได้ แต่วิธีนี้จะช่วยกำจัดกลิ่นได้ง่ายและรวดเร็วมาก พร้อมกับฆ่าเชื้อโรคที่เป็นสาเหตุของกลิ่นเหม็นให้หมดไป ไม่ต้องเช็ดออกให้เปลืองแรงอีกด้วย
9. เปลือกส้มและเปลือกมะนาว
ให้หาเปลือกส้มหรือเปลือกมะนาวที่เหลือจากการทำอาหารมาใส่ไว้ในรองเท้าทิ้งเอาไว้ น้ำมันบนผิวเปลือกส้มและเปลือกมะนาวจะช่วยดับกลิ่นอับในรองเท้า ถ้าไม่ชอบวิธีแบบสารเคมี เมื่อต้องการใช้งานสามารถใช้งานได้ตามปกติ
10. น้ำมันหอมระเหย
น้ำมันหอมระเหย เลือกใช้กลิ่นที่ให้ความหอมทนทานอย่างกลิ่นลาเวนเดอร์ กลิ่นดอกไม้ ลิลลี่ กุหลาบ ที่ชื่นชอบ นำมาหยดใส่ในรองเท้า 1-2 หยด ตัวของน้ำมันหอมระเหยจะเข้าไปทำหน้าที่ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย พร้อมเพิ่มความหอมให้กับรองเท้าได้ดีไม่แพ้น้ำหอม
11. หมั่นซักรองเท้า
คู่โปรดคือ รองเท้าผ้าใบ บอกเลยรองเท้าผ้าใบเป็นรองเท้าที่มีกลิ่นอับและเปื้อนคราบได้ง่าย การทำความสะอาดที่ง่ายที่สุด คือ การซักรองเท้า เริ่มต้นด้วยการด้วยนำรองเท้าผ้าใบใส่ในปลอกหมอนที่ไม่ใช้แล้ว ผูกปากปลอกหมอนให้สนิท นำไปซักในเครื่องซักผ้าด้วยน้ำที่มีอุณหภูมิประมาณ 5-10 องศาเซลเซียส แล้วนำไปตากลมให้แห้ง เพียงเท่านี้ทั้งกลิ่นและคราบเปื้อนก็จะหายไป
12. ทรายแมว
ทรายแมว ตัวช่วยของสารกำจัดกลิ่นอยู่แล้ว สามารถนำมาใช้กับดับกลิ่นรองเท้าได้ ย้ำว่าต้องเป็นทรายใหม่เท่านั้น โดยเททรายแมวใส่ในถุงน่องที่ม่ใช้แล้ว มัดปากถุงน่องให้สนิท แล้วใส่ไว้ในรองเท้าทิ้งไว้ 1 คืน กลิ่นเหม็นอับของรองเท้าก็จะหายไป
วิธีดับกลิ่นรองเท้า
1.ช่องแข็งกับรองเท้า
เพียงแค่ใส่รองเท้าในถุงซิปล็อก ถุงละ 1 ข้าง ปิดปากถุงให้แน่นสนิท นำไปแช่ในช่องแช่แข็ง ทิ้งไว้ 1 คืน เนื่องจากความเย็นจะเข้าไปทำลายเชื้อราและเชื้อแบคทีเรีย กลิ่นอับของรองเท้าก็จะหายไป
2.แผ่นรองเท้าแบบกำจัดกลิ่น
การเลือกแผ่นรองเท้าที่มีคุณสมบัติช่วยกำจัดกลิ่น เป็นอีกทางเลือกที่ช่วยกำจัดและดับกลิ่นรองเท้าได้
3.แป้งข้าวโพด
เดินเข้าไปในครัว พร้อมหยิบแป้งข้าวโพดบวกกับเบกกิ้งโซดา ผงฟู มาผสมในปริมาณที่เท่ากัน จากนั้นเทใส่ในถุงน่องที่ไม่ใช้แล้วให้ได้ขนาดที่พอดีกับรองเท้า มัดปากถุงน่องให้แน่นสนิท ใส่ทิ้งไว้ในรองเท้า 1 คืน กลิ่นอับของรองเท้าจะหายไป
4. กากกาแฟ
กากกาแฟ สามารถช่วยดับกลิ่นเหม็นอับรองเท้าได้ดีไม่แพ้กัน นำกากกาแฟที่ใช้แล้วมาเทใส่ถุงน่อง มัดปากถุงน่องให้แน่น แล้วนำไปใส่ไว้ในรองเท้าทิ้งไว้ 1 คืน กากกาแฟจะช่วยดูดกลิ่นให้หายไปได้